Wednesday, 22 March 2023

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มขยับเขยื้อนกันครึกครื้น ทั้งการออกแนวทางใหม่ เพื่อหาคะแนนนิยม รวมทั้ง การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้คนที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยเฉพาะ อำนาจสำหรับเพื่อการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้ปัจจุบันนี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง รวมทั้ง พิจารณาการเปลี่ยนแปลงของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อใด ด้วยเหตุว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลด้านการเมือง กับทุกพรรค รวมทั้ง ทุกกลุ่มการเมืองเป็นลูกโซ่ เวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือ ปลดปล่อยยาวจนครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะด้านการเมืองทั้งสิ้น

ถ้าหากแยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอคาดเดากันได้อยู่แล้วว่า เขาต้องการไปต่อ อีกสองปี โดยชอบด้วยกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้ง ยุบสภาเมื่อใด

ล่าสุด เมื่อเที่ยงวันที่ 12 เดือนธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความเกี่ยวข้อง อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 เดือนธันวาคม 2565

2 บิ๊กตู่

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกฯได้ทักทายสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

จากนั้นให้สัมภาษณ์หลังนักข่าวถาม มีความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเรือนอะไร หรือเปล่า ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการปฏิบัติงานไปตามระบบ นายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน ด้วยเหตุว่า ระดับแนวทาง นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ปฏิบัติงานไป ผลสัมฤทธิ์ก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามหากรณีผลสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ลดน้อยลง นายกรัฐมนตรีพูดว่า ไม่ทราบโพล ใครทำก็ไม่ทราบ ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่ทราบเช่นกัน ไม่เป็นผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง นักข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลต่อการตัดสินใจ หรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ไม่มี

เมื่อถามว่า กลับมาจากต่างประเทศคราวนี้ จะแสดงท่าทีด้านการเมืองที่กระจ่างแจ้ง ได้หรือเปล่า นายกรัฐมนตรี พูดว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้ถูกแปลความได้ว่า หลังจากเสร็จสมบูรณ์การประชุมสุดยอดหัวหน้า อาเซียน – อียู หลังวันที่ 15 เดือนธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความเด่นชัดออกมา หรือเปล่า รวมทั้ง เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือเปล่า

ด้วยเหตุว่าถ้าหากจำกันได้ ก่อนหน้าที่ผ่านมา เขาเคยตอบปัญหาว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งตามความเป็นจริงในเวลานั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความเด่นชัดมาแล้วหลังจากนั้นก็คือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังมิได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากว่ามั่นใจว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” ด้วยเหตุว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้น ทำให้การประกาศท่วงท่าด้านการเมืองใหม่ ก็เลยต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

3 บิ๊กตู่

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการขยับเขยื้อน มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครื้นครึก มันก็เปลี่ยนเป็น ตัวเร่งให้เขาต้องย่นเวลาเปิดตัว สร้างความเด่นชัดด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ รวมทั้ง การตัดสินใจของบรรดาส.ส. รวมทั้ง กลุ่มการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่ต้องตัดสินใจด้วย เนื่องจากว่า ถ้าหากขยับเขยื้อนช้า หรือยังเงียบต่อไป อาจมีผลต่อการตระเตรียมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้มองเห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็ควรมีความเด่นชัด

ที่ผ่านมา ถ้าหากสำรวจบรรดาส.ส. รวมทั้ง กลุ่มการเมือง ที่ประกาศกระจ่างแจ้งว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ปริมาณหนึ่ง

มีรายชื่อแล้ว 3 – 4 คน กลุ่ม ส.ส.กรุงเทพมหานคร กลุ่มภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังมั่นใจว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความเด่นชัดแล้ว น่าจะมีส.ส.อีกผู้คนจำนวนมากตามมาอีก

หากว่าผู้คนจำนวนมากมองว่า บรรดาส.ส.ที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนมากจะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต่างอะไรจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทมิได้ก็คือ “กระแส” ที่การเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างแน่นแฟ้น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ สำคัญ ๆจะเป็นอย่างงี้ หากว่าอาจจะมีกลุ่มใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว มั่นใจว่ายังมิได้เติบโต ที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกลุ่มไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้

ที่พิจารณาตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมทั้ง “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสเบียดขึ้นมา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ด้วยเหตุว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอีสานที่เป็นจุดตัดสิน แต่นั่น เป็นด้วยเหตุว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างสุดกำลัง

ฉะนั้นเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธ.ค. แล้ว มั่นใจว่าต้องกระจ่างแจ้ง ด้วยเหตุว่าฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก รวมทั้ง ขยับไปไกลแล้ว คงรอมิได้แล้ว

รวมทั้ง เมื่อต้องประกาศท่วงท่า มันก็ต้องเตรียมพร้อม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ ส.ส.ได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างงี้ มันก็น่าจะเลือกตั้งกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้าที่ผ่านมา !!